การเก็บขาตั้งกล้อง
ที่ดีควร
การเลือกซื้อกล้อง ก่อนอื่นต้องดูงบประมาณที่คุณมีก่อน เป็นอันดับแรก จากนั้นให้ดูรูปแบบสำคัญที่สุด ที่คุณอยากได้ เช่น พกพาสะดวก หรือ เอาซูมได้เยอะๆ หรือเอาพิกเซลมากๆ ให้ตั้งเงื่อนไขสำคัญไว้เพียง 1-2 ข้อเท่านั้น จากนั้นให้เลือกตามเงื่อนไขสำคัญนั้นเป็นหลัก อย่าสับสนกับลูกเล่นกระจุกกระจิกบางอย่าง ที่คุณอาจจะไม่ได้ใช้เลยก็ได้ และจะทำให้พลาดประเด็นสำคัญไป หรือสับสนจนเลือกไม่ถูก
ถ้าสิ่งต่อไปนี้ คือสิ่งสำคัญที่คุณต้องการในอันดับต้นๆ คือ คุณภาพของภาพ ต้องการฝึกหัดการถ่ายภาพอย่างจริงจัง ต้องการกล้องที่ควบคุมได้ดังใจ และทันใจ พร้อมถ่ายได้ทันที ตอบสนองการถ่ายภาพแบบปุ๊บปั๊บได้ หรือต้องการกล้องที่ทนทานใช้งานได้นาน ไม่ได้ต้องการกล้องที่พกติดตัวตลอด 24 ชม. ถ้าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องการ DSLR คือคำตอบสุดท้ายของคุณ
เพราะข้อดีของกล้องคอมแพ็ค คือ พกพาง่าย ใช้งานง่าย ราคา(โดยส่วนใหญ่) ไม่สูงนัก และบางคนไม่ได้ต้องการคุณภาพอะไรมาก ขอแค่กล้องที่ถ่ายบันทึกเรื่องราว ในชีวิตประจำวัน หรือตอนไปท่องเที่ยวเท่านั้น กล้องคอมแพ็คคือคำตอบสุดท้ายสำหรับเขาเหล่านั้น
จุดสำคัญที่ทำให้กล้อง DSLR ดีกว่ากล้องคอมแพ็คในแง่คุณภาพ คือ ขนาดของตัวรับภาพของกล้อง DSLR มีขนาดใหญ่กว่ากล้องคอมแพ็คมากๆ เมื่อตัวรับภาพมีขนาดใหญ่ จึงทำให้สามารถบันทึกภาพได้ดีกว่า โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง noise หรือจุดรบกวนในภาพจากกล้อง DSLR จะมีน้อยกว่าภาพจากกล้องคอมแพ็คมาก หรือ การเก็บรายละเอียด การไล่น้ำหนักของสีสันในภาพ จะทำได้ดีกว่ากล้องคอมแพ็ค
ประกันศูนย์ คือประกันที่ ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เป็นผู้ให้การรับประกันกล้องหรืออุปกรณ์นั้นๆ ส่วนประกันร้าน คือ ร้านค้าปลีกที่ขายกล้องให้คุณ เป็นคนให้การรับประกันเอง จะมีบางร้านบอกว่า เสียซ่อมศูนย์ อันนั้นก็อย่าสับสนว่าเป็นประกันศูนย์ ยังคงเป็นประกันร้านอยู่ เพราะเฮียเจ้าของร้านเป็นคนบอกว่าจะซ่อม หรือไม่ซ่อมกล้องของคุณ ไม่ใช่ช่างที่ศูนย์ ดังนั้นอย่าสับสน
ถ้าเป็นเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว จะบอกว่าให้ไปซื้อที่เมืองนอก แต่มา พ.ศ. นี้ แล้ว กล้องบางยี่ห้อยังผลิตในเมืองไทยเลย แล้วคุณจะไปซื้อจากเมืองนอกกันทำไมให้เมื่อยตุ้ม ภาษีนำเข้ากล้องก็ 0% ศูนย์บริการเมืองไทยก็มี แล้วจะไปซื้อต่างประเทศ ให้เสี่ยงโดยหลอกทำไม โดยเฉพาะเผลอๆจะโดนต้มโดนฟัน ขายกล้องย้อมแมวให้อีก จะบินกลับไปต่อว่าคนขายก็คุยกันคนละภาษา ฟันธงเลยว่าซื้อเมืองไทย สบายใจกว่าเยอะครับ
ซื้อกล้องยี่ห้อที่คุณชอบ เป็นคำตอบสุดท้ายครับ ไม่ได้กวน แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คนเราต่างจิตต่างใจ ใครชอบยี่ห้ออะไร ซื้อยี่ห้อนั้นครับ แต่ควรดูเรื่องศูนย์บริการ และบริการหลังการขายด้วยครับ
ลองเข้าไปดูรายละเอียดจากเว็บบริษัทครับ Canon, Nikon, Sony, Samsung, FujiFilm เป็นต้น
ร้านแต่ละร้านมักจะมีจุดเด่นคนละแบบ บางร้านเน้นบริการดี แต่อาจจะราคาสูงกว่าหน่อย ก็เหมาะกับคนที่ต้องการความสบายใจ บางร้านเน้นราคาถูกอย่างเดียว ก็ดูเรื่องรับประกันด้วยเพื่อความสบายใจในภายหลัง บางร้านก็เน้นอยู่ในห้างใหญ่ บางร้านเน้นขายทาง internet แต่เอาเป็นว่า ถ้าในกรุงเทพ มีแหล่งซื้ออยู่คร่าวๆดังนี้ ย่านหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว, ย่านสามย่านมาบุญครอง, ย่านพลับพลาไชย, ย่านบางรัก, ฟอร์จูนทาว์น, พันธ์ทิพย์
อยู่ที่ว่าเอาภาพไปใช้งานอะไร ถ้าถ่ายทั่วๆไปไว้ดูในครอบครัว อัดขยายแค่ 4x6 นิ้ว(ภาพจัมโบ้ปกติ) หรืออย่างมากก็แค่ขนาด A4 ก็ซื้อแค่ 5-6 ล้านก็เหลือเฟือ ถ้าเอาภาพไปใช้งานสิ่งพิมพ์ หรือขยายใหญ่กว่า A4 ก็ควรใช้ราวๆ 6-8 ล้าน หรือมากกว่านั้น
ลองสอบถามจากทางตัวแทนจำหน่ายดูครับ เดี๋ยวนี้เขาค่อนข้างใจดี อาจจะหยิบยืมถ่ายเอกสารได้ครับ
บางท่านที่ซื้อกล้องพร้อมเลนส์มากับชุดกล้อง ส่วนใหญ่จะเป็นช่วง 18-55 หรือ 18-135 คุณภาพของเลนส์ Kit หรือที่ติดมากับ Body คุณภาพ อาจจะไม่สูงมากครับ แต่ใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง หากเพิ่งเรียนหรือหัดถ่ายภาพ ตัวนี้คือ อาจารย์คนแรกเลยครับ เพราะราคาเลนส์ไม่สูงและใช้งานง่าย แถมยังเป็นเลนส์ยี่ห้อของกล้องอีกต่างหากครับ ส่วนท่านที่ซื้อเฉพาะ Body และมีความรู้ในการถ่ายภาพอยู่แล้วอาจจะมองเลนส์ Kit เป็นแค่เลนส์ทั่วไปและแตกต่างจากเกรดเลนส์ระดับโปรครับ ที่มีคุณภาพของชิ้นเลนส์ที่ดีกว่าครับ
สำหรับช่วงในการของเลนส์ในกระเป๋า และใช้งานหลักๆควรมีเลนส์ไว้ 2ตัวครับ คือ ตัวที่ 1 คือช่วง Wide หรือ Normal ครับ ก็คือช่วง 18-55 เลนส์จำพวกนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไปอาทิเช่นงานถ่ายพิธี งานสังคม งานวันเกิด พกพาไปเที่ยว หรือเปรียบเทียบเท่ากับสายตาของคนเราระยะจะอยู่ที่ 50mm.ครับ ส่วนตัวที่2 คือเลนส์ช่วง Tele เลนส์ ช่วงนี้เหมาะงานที่ต้องการเจาะวัตถุของภาพครับ เช่น งานถ่ายภาพแฟชั่น ภาพบุคคลที่เห็นภาพหน้าชัดหลังเบลอ หรือถ่ายภาพกีฬา ภาพที่มีระยะทางไกลๆครับ
ดังนั้นเลนส์ทั้ง 2 ประเภทจึงให้ความสำคัญที่ต่างกันครับ มีลูกค้าหลายคนสอบถามมาว่าทำไมไม่ใช่เลนส์ตัวเดียวที่มี2ช่วงเลย คำตอบก็ต้องขึ้นอยู่กับคนใช้ครับ เพราะช่วงแรกที่ซื้อกล้อง DSLR จะมีเลนส์ Kit ติดมา เลยไม่จำเป็นที่จะซื้อช่วงซ้ำครับ ดังนั้นจะเหมาะกับการซื้อกล้องเฉพาะ Body มา ครับ ที่ส่วนใหญ่จะใช้เลนส์แบบนี้ แต่อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือ เรื่องงบประมาณครับที่มีราคาสูงกว่า ครับ เรื่องชิ้นเลนส์ก็เป็นอีกปัจจัยในการเลือกซื้อด้วยครับ
สำหรับเลนส์ที่บอกความสามารถและราคาว่าจะสูงหรือไม่ก็คือตัวชิ้นเลนส์ และขนาดรูรับแสงครับ ยิ่งมีจำนวนชิ้นเลนส์เยอะ และรูรับแสงยิ่งเปิดได้กว้างหรือตัวเลขค่า F น้อย ราคาก็ยิ่งแพงครับ (ตัวเลขน้อยๆ ยิ่งรับแสงเข้าผ่านกล้องได้มากๆ ช่วยในเรื่องถ่ายภาพในที่แสงน้อย และภาพฉากหลังเบลอๆครับ) ดังนั้นทั้ง 2 กรณีนี้จะเพิ่มความสามารถและราคาให้สูงขึ้นครับ
มีเลนส์อีกจำพวกหนึ่งที่เห็นกันตามท้องตลาด เป็นเลนส์ช่วงเดียวซึ่งไม่สามารถหมุนซูมได้ ได้แต่ถอยเข้าถอยออกจากตัววัตถุเองครับ (ถอยเข้าถอยออก คือการเดินครับ) เลนส์จำพวกนี้ เรียกว่าเลนส์ ฟิกส์ครับ จุดขายของเลนส์ฟิกส์ คือ เรื่องระยะการถ่ายมาโครครับ ได้ใกล้กว่าครับ และช่วงของรูรับแสงเลือกกว้างได้ตลอดช่วงเลยครับ แต่คนที่นิยมใช้จะเน้นเฉพาะกลุ่มจริงๆครับ
ต่อมาเรามารู้จักยี่ห้อ และความแตกต่างของเลนส์นะครับ เริ่มที่ยี่ห้อของกล้องเองเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Canon หรือNikon Olympus และอื่น ที่มีขายอยู่ทั่วไปครับ ต้องบอกก่อนนะครับว่าไม่สามารถนำเลนส์มาใส่แทนกันได้ ตัวอย่างเช่นเอาเลนส์จากยี่ห้อ Canon มาใส่กล้อง Nikon หรือเอาเลนส์ยี่ห้อ Olympus มาใส่กล้อง Canon ก็ใส่ไม่ได้ครับ เพราะเกลียวคนละแบบครับ ดังนั้นเวลาเลือกควรเลือกที่เป็นเกลียวของยี่ห้อกล้องเองไม่ว่าจะเป็นเลนส์ค่ายอิสระก็ตามครับ
ตัวเลนส์ที่เป็นค่ายของกล้องเองจะมีคุณภาพของวัสดุที่ค่อนข้างดีกว่าครับ และอายุของชิ้นเลนส์ในการใช้จะนานกว่าครับ โดยเฉพาะเลนส์เกรดโปร ถ้าเก็บรักษาดีๆอาจอยู่ได้นานหลายสิบปีเลยครับ ข้อดีอีกอย่างคือระบบของกล้องเวลาใช้งานจะใช้ได้ทุกระบบแบบไม่มีปัญหาครับ เพราะออกแบบมาเฉพาะตัวกล้องครับ
ส่วนเลนส์ที่เป็นค่ายอิสระจะออกแบบมาให้ใช้กับกล้องยี่ห้อต่างๆได้ครับ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ เกี่ยวกับงบประมาณในการจะเลือกซื้อครับ อันดับแรกผมคงต้องบอกข้อดีก่อนนะครับว่าเลนส์อิสระดีอย่างไร จุดเด่นเลยคือราคาถูกครับ ถ้าเทียบเรื่องสีของภาพที่ได้ในบางตัวของเลนส์อิสระ ให้สีสันที่ดีและความคมของภาพ เท่าๆกับเลนส์แท้ที่เป็นระดับโปรของค่ายนั้นเลยครับ ถ้าถามก็ราคาต่างกันเยอะอยู่ครับ หรือจะเปรียบอีกอย่างก็คือจำนวนเงินที่เท่ากันเราสามารถซื้อรถญี่ปุ่นรุ่นTopที่มีลูกเล่นเยอะๆ (เลนส์คุณภาพสูงๆ จากค่ายอิสระ) แต่ถ้าไปซื้อรถยุโรปอาจจะได้รุ่น City car หรือ Compact car แค่ นั้น (เลนส์คุณภาพกลางๆ จากค่ายต้นแบบ) จุดนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด และเพิ่งเรียนรู้ในการถ่ายภาพครับ เลนส์ค่ายอิสระจึงเหมาะมากครับ เพราะเรื่องคุณภาพที่ใช้ได้ และราคาไม่แพง แต่จุดด้อยคือ เรื่องวัสดุในการผลิต อาจจะสู้ของค่ายต้นแบบได้ไม่เต็มที่นักครับ อายุการใช้งานอาจสั้นกว่าครับ และเลนส์บางตัวเมื่อใส่กับกล้องแล้วบางระบบอาจทำงานได้ไม่ครบฟังก์ชั่นครับ ดังนั้นถ้าตัดสินใจเลือกเลนส์จากค่ายอิสระ Mr. D2H แนะนำให้ลองใส่กับกล้องของตัวเองและใช้งานดูครับว่าใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่นหรือเปล่า เพราะว่าบางที่ผู้ขายเองก็อาจจะไม่รู้ทั้งหมดเนื่องจากผู้แทนจำหน่ายก็ไม่ได้บอกข้อมูลมาทั้งหมดครับ
เอาล่ะเรามาดู…ตลาดเลนส์อิสระ ยี่ห้อที่มีคนใช้และนิยมกันมากก็จะมีอยู่ 2-3 ยี่ห้อด้วยกันคือ ยี่ห้อ Sigma,Tamron และ Tokina ครับ แต่ในเบื้องต้นผมของแนะนำ 2 ยี่ห้อก่อนล่ะกันกันนะครับ เนื่องจากเป็น 2 ยี่ห้อที่เกือบทุกคนที่เล่นกล้องคุ้นชื่อเป็นอย่างดีอยู่แล้วครับ เลนส์ 2 ยี่ห้อนี้ผลิตออกมาให้ใช้กับกล้องได้หลายยี่ห้อครับ แต่หลักๆก็คือ Canon Nikon Olympus ครับ ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้มีจุดเด่นจุดขายที่ต่างกันครับ แต่ราคาไม่ห่างกันมากครับ เริ่มที่ตัวSigma ก่อนนะครับ ยี่ห้อนี้จุดขายจะอยู่ที่สีครับ สีค่อนข้างสด หรือเรียกว่าคอนทรานส์จัด ในภาษาของช่างภาพครับ ส่วนถ้าเป็นยี่ห้อ Tamron จะให้สีที่ออกนุ่มนวล ตรงธรรมชาติครับ วัสดุในการผลิตจะดีกว่า Sigma ครับ ทั้ง 2 ยี่ห้อ มีช่วงเลนส์ให้เลือกหลากหลายครับ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานครับและก็มีหลายเกรดให้เลือกด้วยเช่นกันครับ ตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปถึงเลขหกหลักครับ
ดังนั้นเลนส์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมอย่างมากครับ สำหรับนักถ่ายภาพมือใหม่ เพื่อฝึกฝนก่อนจะเป็นมืออาชีพในอนาคตครับ